วรรณกรรมท้องถิ่น เรื่อง ท้าวกำพร้าผีน้อย
ภารกิจพิเศษ : วิเคราะห์วรรณกรรมท้องถิ่น
การวิเคราะห์วรรณกรรมท้องถิ่น
รายวิชาวรรณกรรมท้องถิ่น
เรื่อง ท้าวกำพร้าผีน้อย
จัดทำโดย
นางสาวชนกวรรรณ คำปัญญา
57210406225 ปี3 หมู่ 2
เสนอ
อาจารย์วัชรวร วงศ์กัณหา
ภาคการศึกษาที่ 2/2559
คณะครุศาสตร์ สาขาวิขาภาษาไทย
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์
**************************************************
คำนำ
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาวรรณกรรมท้องถิ่น
ซึ่งผู้จัดทำได้ทำการคัดเลือกวรรณกรรมที่สนใจมาทำการศึกษาเเละวิเคราะห์
ทั้งด้านเนื้อหา ภาษา รูปแบบต่างๆ
เพื่อประกอบการเรียนในรายวิชา และมีจุดมุ่งหมายเพื่อเผยเเพร่ให้ผู้ที่สนใจ
ได้ทำการศึกษาเพื่อนำไปต่อยอดการวิเคราะห์งานวรรณกรรมในอนาคตได้หากรายงานเล่มนี้มีความผิดพลาดประการใด
ผู้จัดทำก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
นางสาวชนกวรรณ คำปัญญา
(ผู้จัดทำ)
การวิเคราะห์วรรณกรรมท้องถิ่น
รายวิชาวรรณกรรมท้องถิ่น
เรื่อง ท้าวกำพร้าผีน้อย
รายวิชาวรรณกรรมท้องถิ่น
เรื่อง ท้าวกำพร้าผีน้อย
จัดทำโดย
นางสาวชนกวรรรณ คำปัญญา
57210406225 ปี3 หมู่ 2
57210406225 ปี3 หมู่ 2
เสนอ
อาจารย์วัชรวร วงศ์กัณหา
อาจารย์วัชรวร วงศ์กัณหา
ภาคการศึกษาที่ 2/2559
คณะครุศาสตร์ สาขาวิขาภาษาไทย
คณะครุศาสตร์ สาขาวิขาภาษาไทย
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์
คำนำ
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาวรรณกรรมท้องถิ่น
ซึ่งผู้จัดทำได้ทำการคัดเลือกวรรณกรรมที่สนใจมาทำการศึกษาเเละวิเคราะห์
ทั้งด้านเนื้อหา ภาษา รูปแบบต่างๆ
เพื่อประกอบการเรียนในรายวิชา และมีจุดมุ่งหมายเพื่อเผยเเพร่ให้ผู้ที่สนใจ
ได้ทำการศึกษาเพื่อนำไปต่อยอดการวิเคราะห์งานวรรณกรรมในอนาคตได้หากรายงานเล่มนี้มีความผิดพลาดประการใด
ผู้จัดทำก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
นางสาวชนกวรรณ คำปัญญา
(ผู้จัดทำ)
****************************************************
บทที่ 1
สรุปเนื้อหาวรรณกรรม
❇❇ท้าวกำพร้าผีน้อย❇❇
เรื่องย่อ
ที่เมืองแห่งหนึ่งมีเด็กน้อยคนหนึ่งกำพร้าพ่อและแม่
ได้เที่ยวขอทานเขากินจนโตเป็นหนุ่มแล้วจึงออกจากเมือง มาทำนาทำไร่ ณ ที่แห่งหนึ่ง
เมื่อข้าวพืชงอกงามขึ้น ได้มีสัตว์ต่างๆ มากิน แม้จะไล่อย่างไรก็ไม่ไหว
เอาอะไรมาทำเครื่องดักก็ยังขาดหมด จึงไปขอเอาสายไหม จากย่าจำสวน (คนสวนของพระราชา)
มาทำจึงจับได้ช้าง
ช้างเมื่อถูกจับได้กลัวตายจึงร้องขอชีวิตและบอกว่าจะให้ของวิเศษถอดงาข้างหนึ่งให้
ท้าวกำพร้าผีน้อยจึงปล่อยไปแล้วเอางาช้างมาไว้ที่บ้าน ต่อมาท้าวกำพร้าดักได้เสือ
เสือก็ยอมเป็นลูกน้อง โดยบอกว่าถ้ามีเรื่องเดือดร้อนจะมาช่วย
ต่อมาจับได้อีเห็น
อีเห็นก็ยอมเป็นลูกน้อง เช่นเดียวกันกับเสือ ต่อมาจับพญาฮุ้ง (นกอินทรีย์)
พญาฮุ้งก็ยอมเป็นลูกน้องอีก และตัวสุดท้ายจับได้คือผีน้อยที่มาขโมยกินปลาที่ไซ
ผีน้อยก็ยอมเป็นลูกน้อง เมื่อท้าวกำพร้าได้งาช้างมาแล้วก็เอามาไว้ที่บ้าน
ในงาช้างนั้นได้มีหญิงสาวคนหนึ่งชื่อสีดา อาศัยอยู่
นางได้ออกมาทำอาหารไว้รอท้าวกำพร้า
ต่อมาท้าวกำพร้าจับนางได้จึงทุบงาช้างนั้น
เพื่อจะไม่ให้นางหลบเข้าไปอยู่อีก นางจึงอยู่กินเป็นสามีภรรยากันตั้งแต่นั้นมา
ความสวยงามของสีดา ได้ยินไปถึงพระราชา
เมื่อพระราชาเห็นแล้วก็รักใคร่จึงจะยึดเอาแต่ก็กลัวคนจะติเตียน
จึงท้าท้าวกำพร้าทำการแข่งขันต่างๆ โดยถ้าท้าวกำพร้าแพ้จะยึดนางสีดามา
แต่ถ้าพระองค์แพ้จะยอมยกเมืองให้ครึ่งหนึ่ง การแข่งขันนั้นคือ ชนวัว ชนไก่ แข่งเรือ
แต่ปรากฏว่าท้าวกำพร้าชนะทุกครั้ง เพราะในการชนวัวนั้น
เสือแปลงเป็นวัวมาช่วยท้าวกำพร้า ชนไก่นั้นอีเห็นแปลงเป็นไก่มาช่วย
กัดไก่ของพระราชาตาย
ในการแข่งขันเรือนั้นพญาฮุ้งมาเป็นเรือและได้ทำให้เรือพระราชาล่มแล้วกินคนทั้งหมด
เมื่อพระราชาตายแล้วได้รวมหัวกับบ่างลั่วตัวหนึ่ง
โดยให้บ่างลั่วร้องเรียกวิญญาณของนางสีดามา โดยร้องครั้งแรกนางก็ไม่สบาย
ครั้งที่สองสลบไป ครั้งที่สามจึงตายวิญญาณของนางจึงมาอยู่กับพวกผีพระราชา ส่วนท้าวกำพร้าปรึกษากับผีน้อย
ผีน้อยบอกว่าอย่าเพิ่งเผา จะตามไปดูวิญญาณของนางอยู่ที่ใด
เมื่อผีน้อยตามไปทราบเรื่องทั้งหมดแล้วจึงวางแผนจะจับบ่างลั่วตัวนั้น
จึงเข้าไปตีสนิทกับบ่างลั่วแล้วสานข้อง (ที่ใส่ปลา)
ครั้งแรกสานด้วยไม้ใผ่แล้วให้บ่างลั่วเข้าไปข้างใน แล้วให้ยันดูปรากฏว่าข้องแตก
จึงสานด้วยลวด แล้วบอกให้บ่างลั่วเข้าไปดูแล้วบอกให้ยันดู
ปรากฏว่าข้องไม่แตกจึงรีบหาฝามาปิดแล้วรีบเอามาให้ท้าวกำพร้าบังคับให้บ่างลั่วร้องเรียกเอาวิญญาณนางสีดากลับคืนมาไม่เช่นนั้นจะฆ่าเสีย
บ่างลั่วจึงร้องเรียกเอาวิญญาณนางกลับมา โดยร้องครั้งแรกก็เคลื่อนไหว
ครั้งที่สองฟื้นขึ้น ครั้งที่สามหายเป็นปกติทุกอย่าง
พอทุกอย่างปกติแล้วท้าวกำพร้าจึงหลอกว่าขอดูไอ้ที่ร้องเอาวิญญาณคนได้ไหม
บ่างลั่วจึงแลบลิ้นออกมาให้ดู ท้าวกำพร้าจึงตัดลิ้นบ่างลั่วนั้นเสีย
เพราะกลัวมันจะร้องเอาวิญญาณไปอีก บ่างลั่วจึงร้องไม่ชัดตั้งแต่นั้นมา ส่วนท้าวกำพร้ากับนางสีดา
ได้ปกครองเมืองแทนพระราชาที่ตายนั้น
****************************************************
บทที่ 1
สรุปเนื้อหาวรรณกรรม
สรุปเนื้อหาวรรณกรรม
❇❇ท้าวกำพร้าผีน้อย❇❇
เรื่องย่อ
ที่เมืองแห่งหนึ่งมีเด็กน้อยคนหนึ่งกำพร้าพ่อและแม่
ได้เที่ยวขอทานเขากินจนโตเป็นหนุ่มแล้วจึงออกจากเมือง มาทำนาทำไร่ ณ ที่แห่งหนึ่ง
เมื่อข้าวพืชงอกงามขึ้น ได้มีสัตว์ต่างๆ มากิน แม้จะไล่อย่างไรก็ไม่ไหว
เอาอะไรมาทำเครื่องดักก็ยังขาดหมด จึงไปขอเอาสายไหม จากย่าจำสวน (คนสวนของพระราชา)
มาทำจึงจับได้ช้าง
ช้างเมื่อถูกจับได้กลัวตายจึงร้องขอชีวิตและบอกว่าจะให้ของวิเศษถอดงาข้างหนึ่งให้
ท้าวกำพร้าผีน้อยจึงปล่อยไปแล้วเอางาช้างมาไว้ที่บ้าน ต่อมาท้าวกำพร้าดักได้เสือ
เสือก็ยอมเป็นลูกน้อง โดยบอกว่าถ้ามีเรื่องเดือดร้อนจะมาช่วย
ต่อมาจับได้อีเห็น
อีเห็นก็ยอมเป็นลูกน้อง เช่นเดียวกันกับเสือ ต่อมาจับพญาฮุ้ง (นกอินทรีย์)
พญาฮุ้งก็ยอมเป็นลูกน้องอีก และตัวสุดท้ายจับได้คือผีน้อยที่มาขโมยกินปลาที่ไซ
ผีน้อยก็ยอมเป็นลูกน้อง เมื่อท้าวกำพร้าได้งาช้างมาแล้วก็เอามาไว้ที่บ้าน
ในงาช้างนั้นได้มีหญิงสาวคนหนึ่งชื่อสีดา อาศัยอยู่
นางได้ออกมาทำอาหารไว้รอท้าวกำพร้า
ต่อมาท้าวกำพร้าจับนางได้จึงทุบงาช้างนั้น
เพื่อจะไม่ให้นางหลบเข้าไปอยู่อีก นางจึงอยู่กินเป็นสามีภรรยากันตั้งแต่นั้นมา
ความสวยงามของสีดา ได้ยินไปถึงพระราชา
เมื่อพระราชาเห็นแล้วก็รักใคร่จึงจะยึดเอาแต่ก็กลัวคนจะติเตียน
จึงท้าท้าวกำพร้าทำการแข่งขันต่างๆ โดยถ้าท้าวกำพร้าแพ้จะยึดนางสีดามา
แต่ถ้าพระองค์แพ้จะยอมยกเมืองให้ครึ่งหนึ่ง การแข่งขันนั้นคือ ชนวัว ชนไก่ แข่งเรือ
แต่ปรากฏว่าท้าวกำพร้าชนะทุกครั้ง เพราะในการชนวัวนั้น
เสือแปลงเป็นวัวมาช่วยท้าวกำพร้า ชนไก่นั้นอีเห็นแปลงเป็นไก่มาช่วย
กัดไก่ของพระราชาตาย
ในการแข่งขันเรือนั้นพญาฮุ้งมาเป็นเรือและได้ทำให้เรือพระราชาล่มแล้วกินคนทั้งหมด
เมื่อพระราชาตายแล้วได้รวมหัวกับบ่างลั่วตัวหนึ่ง
โดยให้บ่างลั่วร้องเรียกวิญญาณของนางสีดามา โดยร้องครั้งแรกนางก็ไม่สบาย
ครั้งที่สองสลบไป ครั้งที่สามจึงตายวิญญาณของนางจึงมาอยู่กับพวกผีพระราชา ส่วนท้าวกำพร้าปรึกษากับผีน้อย
ผีน้อยบอกว่าอย่าเพิ่งเผา จะตามไปดูวิญญาณของนางอยู่ที่ใด
เมื่อผีน้อยตามไปทราบเรื่องทั้งหมดแล้วจึงวางแผนจะจับบ่างลั่วตัวนั้น
จึงเข้าไปตีสนิทกับบ่างลั่วแล้วสานข้อง (ที่ใส่ปลา)
ครั้งแรกสานด้วยไม้ใผ่แล้วให้บ่างลั่วเข้าไปข้างใน แล้วให้ยันดูปรากฏว่าข้องแตก
จึงสานด้วยลวด แล้วบอกให้บ่างลั่วเข้าไปดูแล้วบอกให้ยันดู
ปรากฏว่าข้องไม่แตกจึงรีบหาฝามาปิดแล้วรีบเอามาให้ท้าวกำพร้าบังคับให้บ่างลั่วร้องเรียกเอาวิญญาณนางสีดากลับคืนมาไม่เช่นนั้นจะฆ่าเสีย
บ่างลั่วจึงร้องเรียกเอาวิญญาณนางกลับมา โดยร้องครั้งแรกก็เคลื่อนไหว
ครั้งที่สองฟื้นขึ้น ครั้งที่สามหายเป็นปกติทุกอย่าง
พอทุกอย่างปกติแล้วท้าวกำพร้าจึงหลอกว่าขอดูไอ้ที่ร้องเอาวิญญาณคนได้ไหม
บ่างลั่วจึงแลบลิ้นออกมาให้ดู ท้าวกำพร้าจึงตัดลิ้นบ่างลั่วนั้นเสีย
เพราะกลัวมันจะร้องเอาวิญญาณไปอีก บ่างลั่วจึงร้องไม่ชัดตั้งแต่นั้นมา ส่วนท้าวกำพร้ากับนางสีดา
ได้ปกครองเมืองแทนพระราชาที่ตายนั้น
***********************************************************************************
ที่มาและความสำคัญ
ศิลปะวัฒนธรรมในภาคอีสาน
นอกจากการฟ้อนรำและเครื่องแต่งกายอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว
สิ่งหนึ่งที่ถือว่ามีโดดเด่นเฉพาะด้าน คือ นิทานพื้นบ้านของภาคอีสาน
ซึ่งเป็นการเล่าสืบต่อกันมา บ้างเป็นนิทานที่ให้คติสอนใจ
บ้างเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประเพณีและขนบธรรมเนียม
บ้างก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาของสถานที่ต่าง ๆ
จนทำให้มีนิทานพื้นบ้านอีสานมากมายนับไม่ถ้วน
นิทานเรื่องท้าวผีน้อย
ก็นับว่าเป็นวรรณกรรมท้องถิ่นอีสานอีกหนึ่งเรื่อง ที่นับว่าเป็นวรรณกรรมอีสานที่มีความโดดเด่นในเรื่องการใช้ภาษา
และจุดเด่นของนิทานเรื่องนี้คือ การสอนคุณธรรม
เชื่อว่านิทานเรื่องนี้เป็นอดีตชาติของพระโพธิสัตย์ ที่จุติมาใช้ชาติ
และได้เกิดเป็นท้าวกำพร้า ก่อนจะอธิษฐานขอให้ได้ไปสู่นิพพาน
และปรารถนาจะไม่เวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิใดอีก
นอกจากนิพพาน ....
รายละเอียดหนังสือ :
นิทานเรื่องท้าวกำพร้าผีน้อย
เป็นคำกลอนโบราณอีสานที่จินดา ดวงใจ ได้ปริวรรตมาจากต้นตำราใบลาน
เป็นการแต่งขึ้นมาโดยใช้ สำนวนเดิมไว้เกือบทั้งหมด
เรียบเรียงโดย : >> คุณ จินดา ดวงใจ <<
พิมพ์จำหน่ายโดย : บริษัท ขอนเเก่น คลังนานาธรรม จำกัด
161-6-8 ถนนกลางเมือง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
โทร 043 221346 , 043 221591 แฟกซ์ : 043 223482
*********************************************************************************************
บทที่ 2
การวิเคราะห์เนื้อเรื่อง
การวิเคราะห์เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่อง
วิเคราห์ชื่อเรื่อง
คำว่า
"ท้าวกำพร้า"
มาจากชื่อเรียกตัวละครเอก เพราะตัวละครเอกเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อแม่ ญาติพี่น้องไม่เลี้ยงดู และเป็นขอทานที่อยู่ในเมืองอินทปัตถา ชาวบ้านจึงเรียกว่า กำพร้า
มาจากชื่อเรียกตัวละครเอก เพราะตัวละครเอกเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อแม่ ญาติพี่น้องไม่เลี้ยงดู และเป็นขอทานที่อยู่ในเมืองอินทปัตถา ชาวบ้านจึงเรียกว่า กำพร้า
คำว่า
"ผีน้อย"
มาจากชื่อของตัวละครตัวหนึ่ง เป็นผีที่ท้าวกำพร้าจับได้เพราะมาขโมยกินปลาในไซของท้าวกำพร้าและเป็นตัวละครที่ช่วยท้าวกำพร้าชิงเอาวิญญาณนางสีดากลับมาอยู่ในร่าง จากบ่างลั่วได้
มาจากชื่อของตัวละครตัวหนึ่ง เป็นผีที่ท้าวกำพร้าจับได้เพราะมาขโมยกินปลาในไซของท้าวกำพร้าและเป็นตัวละครที่ช่วยท้าวกำพร้าชิงเอาวิญญาณนางสีดากลับมาอยู่ในร่าง จากบ่างลั่วได้
แก่นเรื่อง
"ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้"
หมายถึง
ตกอยู่ในที่คับขันอย่างไรก็ไม่เป็นอันตราย ( อ้างอิงจาก : http://dictionary.sanook.com )
โครงเรื่อง
กลวิธีในการดำเนินเรื่อง
เป็นการเล่าเรื่องแบบปฏิทิน คือ
เล่าตั้งเเต่ตัวละครเกิด ดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆจนถึงจุดจบ ไม่มีการเล่าย้อนอดีต หรือสลับกลับไปกลับมา
การเปิดเรื่อง
เปิดเรื่องด้วยการกล่าวถึงสถานที่ (เมืองอินทปัตถา)
ที่จะดำเนินเรื่องราวจากต้นเรื่อง จนจบเรื่อง
การดำเนินเรื่อง
๑.
กล่าวถึงเมืองอินทปัตถาเป็นเมืองที่มีอนาเขตกว้างใหญ่ มีผู้ปกครองคือ พระยาพิมมะทอง
ที่พร้อมทั้งภาหนะ ไพร่พล และเเก้วแหวนเงินทอง แต่ไม่มีบุตร
๒.
กล่าวถึงท้าวกำพร้า เด็กที่เกิดมาไม่มีสิ่งใดเลย
พ่อแม่ตายจากตั้งเเต่ยังเล็ก ต้องขอทานเลี้ยงชีพจนอายุ 16 ปี
๓.
ตากานบ้าน(ผู้ใหญ่บ้าน)
คิดกำจัดท้าวกำพร้า จึงแนะนำให้ไปทำนาที่ทุ่งนาชายป่าซึ่งไม่มีใครทำกิน เพราะเป็นถิ่นที่ผีดุร้ายอาศัยอยู่
๔.
ผีเเค้น จะจับท้าวกำพร้ากิน เพราะไปบุกรุก แต่เทวดาขอไว้
ผีจึงเปลี่ยนจากจะทำร้ายเป็นช่วยเหลือท้าวกำพร้าแต่นั้นมา
๕.
ท้าวกำพร้าทำไซดักปลา แต่ถูกผีน้อยขโมยกิน จึงปรึกษาผีย่าง่าม(ผู้เป็นใหญ่ในบรรดาผี)
ย่าง่ามให้ขนทองทำบ่วงจับ
๖.
ท้าวกำพร้าได้บริวารและสหายเป็นผีน้อย เสือ อีเห็น ช้างน้ำและนาค เพราะบ่วงย่าง่าม
๗.
ท้าวกำพร้าได้นางสีดาเป็นภรรยา จากงาช้างของช้างน้ำ
(ท้าวกำพร้าทุบงาช้างจึงได้นางสีดามา)
๘.
พระยาพิมมะทอง รู้ข่าวว่านางสีดางดงาม อยากได้มาครอบครอง จึงท้าพนัน ชนไก่
ชนควาย ชนช้างกับท้าวกำพร้า ถ้าเเพ้จะยึดนางสีดา แต่ผู้ชนะคือท้าวกำพร้า
๙.
พระยาพิมมะทอง
สั่งท้าวกำพร้ากินสัตว์ทั้งสามให้หมดเพราะเเค้นที่ตนเป็นฝ่ายเเพ้
๑๐.
นาค แปลงกายเป็นท้าวกำพร้า กินซากสัตว์จนหมด พระยาเเค้นจึงท้าเเข่งเรือ
จนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เเละตายเพราะเรือเเตก
๑๑.
พระยาเเค้น จึงวางแผนกับบ่างลั้ว ให้เรียกเอาวิญญาณนางสีดา ทำให้นางสีดาตาย
๑๒.
ผีน้อยจึงวางแผนเอาวิญญาณนางสีดาคืน และตัดลิ้นบ่างลั้ว
ไม่ให้เรียกเอาวิญญาณใครได้อีก
๑๓.
เมื่อสิ้นเจ้าเมืองคนเดิม
ชาวเมืองจึงเชิญท้าวกำพร้าเเละภรรยาไปครองเมืองอิทปัตถา
การปิดเรื่อง
หลังจากผ่านมรสุม
ทั้งท้าวกำพร้าเเละภรรยาก็ได้ครองเมืองอย่างเป็นธรรมสืบไป...
ตัวละคร
· ท้าวกำพร้า
ลักษณะ >> เป็นเด็กกำพร้า พ่อเเม่ตายตั้งเเต่ตนเองเกิด ต้องขอทานเลี้ยงชีพ
จนเติบใหญ่ เป็นคนไม่คิดร้ายใคร เเละมีบุญบารมี
· เจ้าเมืองอินทปัตถา
ลักษณะ >> เป็นเจ้าเมืองผู้เปี่ยมด้วย
ทรัพย์ บารมี และมีนิสัยอยากได้ของของคนอื่น
และเจ้าคิดเจ้าเเค้น
· ตากวนบ้าน
ลักษณะ >> เป็นผู้ใหญ่บ้าน
และมีนิสัยไม่เป็นมิตร และคิดร้ายแก่ท้าวกำพร้า
· ผีย่างาม
ลักษณะ >> เป็นผี
ที่คอยให้การช่วยเหลือท้าวกำพร้า
· ผีน้อย
ลักษณะ >>เป็นผี
ที่มาขโมยปลาของท้าวกำพร้า
และได้มาเป็นเพื่อนผู้ที่คอยช่วยผีกำพร้าเอาชีวิตนางสีดาคืน
· ช้างพราย
ลักษณะ >> ตัวใหญ่
มีกำลังมหาศาล มีงาแก้ว
· นาค
ลักษณะ >> เป็นงูขนาดใหญ่ เป็นเจ้าเเห่งน้ำ และเป็นบริวาลท้าวกำพร้า
· บ่างลั้ว
ลักษณะ >> เป็นสัตว์อัปมงคล สามารถเรียกเอาวิญญาณคนได้
· เสือ
ลักษณะ >> เจ้าป่า
ที่มีขนาดใหญ่เป็นสัตว์วิเศษที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
· พญาอินทรีย์
ลักษณะ >> สัตว์ที่มาติดบ่วงท้าวกำพร้า
เเละยอมสวามิภักดิ์ต่อท้าวกำพร้า
ภาษา
ภาษาที่ใช้ในเล่มเป็นภาษาอีสาน
ตามตำราใบลานเก่า
คำในภาษาเป็นคำกลอนโบราณของภาคอีสาน มีศัพท์เฉพาะ
และเป็นคำภาษาโบราณทั้งเล่ม มีการใช้คำสัมผัส ระหว่างวรรค และสัมผัสภายในวรรคด้วย
ตัวอย่างภาษาที่มีความเป็นเอกลักษณ์
เช่น คำว่า ตากวนบ้าน แปลว่า
ผู้ใหญ่บ้าน คำว่า พญาฮุ้ง แปลว่า
นกอินทรีย์ที่มีขนาดใหญ่
ฉากหรือสถานที่
- เมืองอินทปัตถา
เป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์
มีกษัตริย์ปกครองชื่อ พระยาพิมมะทอง
- ทุ่งกว้างท้ายหมู่บ้าน
เป็นสถานที่ที่ท้าวกำพร้าไปทำนา
และใช้ชีวิตอยู่จนเกิดการเปลี่ยนเเปลงชีวิตขึ้น
-
หนองน้ำ
ที่ท้าวกำพร้าไปใส่ปลา
และจับผีน้อย เสือ นาค ช้างพราย ได้
******************************************************************************
บทที่ 3
ความโดดเด่น
ความโดดเด่น
ลักษณะความโดดเด่น
ในเรื่องท้าวกำพร้าผีน้อย
สิ่งที่โดดเด่นที่สุด คือภาษา ภาษาที่ใช้เป็นภาษาคำกลอนโบราณ อีสาน ที่มีความยากและมีคำศัพท์ที่น่าสนใจ
รวมทั้งกลวิธีในการเเต่งคำประพันธ์ ฉันทลักษณ์ต่างๆมีทั้งสัมผัสนอก สัมผัสใน อีกหนึ่งจุดเด่นคือ เมื่อจะอ่านให้เข้าใจและพอแปลได้บ้าง จะต้องอ่านเป็นคน หรือสำเนียงภาษาอิสานจึงจะสามารถเข้าใจเนื้อเรื่องที่อ่านได้
********************************************************************************
บทที่4
การนำไปประยุกต์ใช้ที่ผ่านมา
การนำไปประยุกต์ใช้ที่ผ่านมา
นิทานเรื่อง ท้าวกำพร้าผีน้อย
มีการนำมาประยุกต์ใช้ ดังนี้
ลำเรื่องต่อกลอน
ชุด กำพร้าผีน้อย ลำโดยป.ฉลาดน้อย / บานเย็น /ทองแปน สมพรน้อย /
คมถวิล
เเต่งเป็นกลอน
สำหรับการเรียนการสอน
เเต่งโดย - วิสสุมาลี นิทาน
กำพร้าผีน้อย
"ยินผีน้อย ฮ้องอ้าย...........บ่างหลง วางใจ
"ยินผีน้อย ฮ้องอ้าย...........บ่างหลง วางใจ
จึงบอกให้
ข้อยแค่............รัวลิ้น
จักมีเสียง
ออกไป........... เก็บเกี่ยว วิญญาณ
เพียงขานชื่อ
เยื่อสิ้น-........ใจตาย ทุกราย
ท้าวกำพร้า
จาต้าน...........ขอเบิ่ง ลิ้งบ่าง
ย้านมันฮ้อง
ให้ตาย..........หลังปล่อย
ท้าวฯจาออย
ว่าว่าง.........ใจเถิด
เกิดมาเทือ
ข้าน้อย..........อยากเห็น ......"
เทศนาธรรมสอนใจ
เทศนาธรรมผ่านรายการวิทยุ สถานีวิทยุกระจายเสียง จังหวัดมุกดาหาร Fm.99.25 MhZ โดย :
พระราชธีราจารย์
เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี
เจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม
" Infographics
"
>> เรื่อง ท้าวกำพร้าผีน้อย <<
แหล่งอ้างอิง :
http://oknation.nationtv.tv/blog/keepitup/2010/02/16/entry-6
http://news.msu.ac.th/web/dublin.php?ID=13400259403#.WNYxMc_yjIU
https://hilight.kapook.com/view/81805
https://hilight.kapook.com/view/81805
https:// www.youtube.com/watch?v=b1owlpZzYsk
โดย นางสาวชนกวรรณ คำปัญญา
ปี3 หมู่ 2
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น